การเคลื่อนที่ของสัตว์ (Animal movement)
การเคลื่อนที่ของสัตว์ (Animal movement)
การเครื่อนที่หรือการเครื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต สัตร์มีกระดูดสันหลัง นอกจากจะใช้ ระบบโครงกระดูก
ระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาทที่ทำงานสัมพันธ์กันแล้ว สัตร์มีกระดูกสันหลังยังใช้อวัยะอื่นๆในการเครื่อนที่อีกด้วย
การเคลื่อนที่ของกบและเป็ด
กบและเป็ด จะมีส่วนที่มีลักษณะคล้ายใบพายที่เท้า(web) เต่า ตะพาบน้ำ มีส่วนที่เรียกว่า ฟลิปเปอร์(flipper) สำหลับว่ายน้ำ สำหลับเดิน กบ มีขาหลังที่ใหญ่เพื่อใช้กระโดด ใช้ปีกสำหลับบิน ขาสำหลับเดิน
การเคลื่อนที่ของปลา
ปลาส่วนใหญ่เครื่อนที่โดยการใช้ครีบสำหลับการว่ายน้ำ การที่จะว่ายน้ำไปในทิศทางต่างๆ จะใช้วิธีงอตัวคล้ายรปูตัวเอส (S) อาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อที่ยึดกระดูกตามลำตัวลักษณะแบบ
แอนทาโกนิซึม (Antarctic)
ยังมีสัตร์ที่เลียงลูกด้วยนมบางชนิดที่เครื่อนที่โดยใช้ครีบ ได้แก่ วาฬ โลมา พะยูน ลักษณะการเครื่อนที่ใช้ครีบหางที่แบนขนานกับพื่นน้ำตวัด ขึ้น-ลง ซึ่งจะต่างจากปลวทั่วไป วาฬและโลมาเครื่อนที่
โดยการเครื่อนที่โดยการกระโดดขึ้นพ้นน้ำ
การเคลื่อนที่ของงู
งู การเครื่อนที่โดยการหดตัวและคลายกล้ามเนื้อที่ยึดกระดูดสันหลัง คล้ายรูปตัวเอส (S) การทำงานของกล้ามเนื้อเป็นแบบ แอนทาโกนิซึม (Antarctic)
การเคลื่อนที่ของชีตาห์
เสือซีตาห์ สุนัข กระต่าย จะมีขาหลังใหญ่และมีกระดูดสันหลฃังยาว ขณะวิ่งไปกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อลำตัวจะโค้งโก่งคล้ายคันธนู ขณะยืดขาหน้าออกไปข้างหน้า พุงออกไปได้ไกลมากแต่ละช่วงของการวิ่ง
การเคลื่อนที่ของนก
นกสามารถบินได้โดยอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 ชุดที่ยึดระหว่าง กระดูกโคนปีก (hummers) และกระดูกอก (sternum) ได้แก่ กล้ามเนื้อยกปีกและกล้ามเนื้อกดปีกทำงานแบบสภาวะตรงกันข้าง ทำให้นกสามารถขยับปีกขึ้นลงได้ มีผลให้นกบินได้ดังภาพที่
การเคลื่อนที่ของไฮดรา
การเคลื่อนที่ของไฮดราเกิดจากการทำงานของเซลล์บางเซลล์ในเนื้อเยื่อชั้นนอก ทำหน้าที่คล้ายกล้ามเนื้อ การเคลื่อนที่ของไฮดราจึงเกิดจากการยืดและหดของลำตัว รวมทั้งเกิดจากการเคลื่อนไหวของหนวดหรือเทนทาเคิลด้วย ไฮดรามีการเคลื่อนที่หลายลักษณะ เช่น การเคลื่อนที่โดยการคืบไปคล้ายหนอน การตีลังกา การแขวนตัวอยู่กับผิวน้ำ หรือการลอยตัว
รูปแสดงการเคลื่อนที่ของไฮดราด้วยวิธีต่าง ๆ
(ที่มา: http://www.rmutphysics.com/charud/bioweek/6/index6.htm)
การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุน
การเครื่อนที่ของแมงกะพรุนมีรูปร่างคล้ายกระดิ่ง มีลำตัวนิ่มมาก มีของเหลว เรียกว่า มีโซเกลีย (mesoglea) แทรกอยู่ระหว่างเนื้อเยื่อชั้นนอก และเนื้อเยื่อชั้นใน มีน้ำเป็นองค์ประกอบเป็นส่วนใหญ่ ของลำตัวแมงกะพรุนเคลื่อนที่โดยการหดตัวของเนื้อเยื่อ บริเวณขอบกระดิ่งและที่ผนังลำตัวสลับกัน ทำให้พ่นน้ำ ออกมาทางด้านล่างส่วนตัวจะพุ่งไปในทิศทางตรงข้ามกับ ทิศทางน้ำที่พ่นออกมา การหดตัวนี้จะเป็นจังหวะทำให้ตัวแมงกะพรุนเคลื่อนไปเป็นจังหวะด้วย
การเคลื่อนที่ของหมึก
การเครื่อนที่ของหมึกจะคล้ายกับแมงกระพรุน โดยกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวมีการหดตัว ทำให้น้ำภายในลำตัวพ่นออกมาทางท่อไซฟอน(siphon) คล้ายกับการเป่าลมเข้าไปในลูกโป่ง แล้วปล่อย
การเคลื่อนที่ของดาวทะเล
การเครื่อนที่ของดาวทะเลโดยใช้ ระบบท่อน้ำ(water vascular system)โดยน้ำเข้าทางท่อมาดรีโพไรต์ (madrepolite)แล้วไหลไปตามท่อเข้าสู่กระเปาะทำให้ ampullaหดตัว จะดันน้ำไปตามทิวบ์ฟีททำให้ทิวบ์ฟีทยืดยาวออก เมื่อเคลื่อนที่ไปแล้วทิวบ์ฟีทหดสั้นเข้า ดันน้ำกลับเข้าสู่แอมพูลลาใหม่ การหดตัวและคลายตัวของทิวบ์ฟีทอาศัยแรงดันของน้ำ ไม่อาศัยแอนตาโกนิซึมของกล้ามเนื้อ การยืดและหดตัวของทิวบ์ฟีท หลายๆ อันต่อเนื่องกันทำให้ดาวทะเลเคลื่อนไหวได้
การเคลื่อนที่ของพลานาเรีย
พลานาเรีย เคลื่อนที่โดยการลอยไปตามน้ำ หรือ คืบคลานไปตามพืชใต้น้ำโดยอาศัยกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อตามยาว ส่วนกล้ามเนื้อทแยงจะช่วยให้ลำตัวแบนบางและพลิ้วไปตามน้ำในขณะที่พลานาเรียเคลื่อนไปตามผิวน้ำซีเลียที่อยู่ทางด้านล่างของลำตัวจะโบกพัดไปมาช่วยเคลื่อนตัวไปได้ดียิ่งขึ้น
การเคลื่อนที่ของไส้เดือนดิน
ไส้เดือน (earth worm) ไส้เดือนจัดอยู่ในไฟลัมแอนเนลิดา (annelida) ไส้เดือนมีกล้ามเนื้อ 2 ชุด คือ กล้ามเนื้อวงกลมรอบตัว (circular muscle) อยู่ทางด้านนอก และกล้ามเนื้อตามยาว (longitudinal muscle) ตลอดลำตัวอยู่ทางด้านในนอกจากนี้ไส้เดือนยังใช้เดือย (setae) ซึ่งเป็นโครงสร้างเล็ก ๆ ที่ยื่นออกจากผนังลำตัวรอบปล้องช่วยในการเคลื่อนที่ด้วย
การเคลื่อนที่ของหอย
การเคลื่อนที่ของหอย หอยเป็นสัตร์ที่มีลำตัวนิ่ม ส่วนใหญ่มีเปลือกแข็งหรือโครงร่างแข็งหุ้มนอกลำตัว การเคลื่อนที่จะอาศัยกล้ามเนือ้ที่เท้า (foot) อย่างช้าๆ
การเคลื่อนที่ของแมลง
แมลง (insect) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังแต่แมลงมีโครงร่างภายนอก(exoskeleton) ซึ่งเป็นสารพวกไคทินมีลักษณะเป็นโพรงเกาะกันด้วยข้อต่อซึ่งเป็นเยื่อที่งอได้ ข้อต่อข้อแรกของขากับลำตัว เป็นข้อต่อแบบบอลแอนด์ซอกเก็ต (ball and socket) ส่วนข้อต่อแบบอื่นๆ เป็นแบบ บานพับ การเคลื่อนไหวเกิดจากทำงานสลับกันของกล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์ (flexor) และเอ็กเทนเซอร์ (extensor) ซึ่งเกาะอยู่โพรงไคทินนี้ โดยกล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์ (flexor) ทำหน้าที่ในการงอขา และกล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์ (extensor) ทำหน้าที่ในการเหยียดขา ซึ่งการทำงานเป็นแบบแอนทาโกนิซึม (antagonism) เหมือนกับคน
การเคลื่อนที่ของอะมีบา
อะมีบาเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ไม่มีโครงสร้างในการเคลื่อนที่โดยเฉพาะ แต่จะเคลื่อนที่โดยการไหลของไซโทพลาสซึมเป็นเท้าเทียม (pseudopodium) ไซโทพลาสซึมในอะมีบา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. เอ็กโทพลาสซึม(ectoplasm)เป็นไซโทพลาสซึมชั้นนอกที่มีลักษณะเป็นสารกึ่งแข็งกึ่งเหลวเรียกว่า เจล (gel)
2. เอนโดพลาสซึม (endoplasm)เป็นไซโทพลาสซึมชั้นในมีลักษณะค่อนข้างเหลว เรียกว่า โซล (sol)
เนื่องจากการรวมตัวและแยกตัวของโปรตีนแอกทิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของไมโครฟิลาเมนต์ (สายใยเล็กๆมีมากมายอยู่ในไซโทพลาสซึม) ทำให้สมบัติของไซโทพลาสซึมเปลี่ยนจากเจลเป็นโซลและจากโซลเป็นเจล จึงเกิดการไหลของไซโทพลาสซึมไปในทิศทางที่เซลล์เคลื่อนที่ไป และดันเยื่อหุ้มเซลล์ส่วนนั้นให้โป่งออกเป็นเท้าเทียม ทำให้อะมีบาเคลื่อนที่ได้ เรียกการเคลื่อนที่นี้ว่า การเคลื่อนที่แบบอะมีบา (amoeboid movement)
การเคลื่อนที่ของพารามีเซียม
พารามีเซียมเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เคลื่อนที่โดยการโบกพัดของซีเลียไปทางด้านหลัง ทำให้ตัวของพารามีเซียมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และการโบกพักของซีเลียที่ร่องปาก (oral groove) ซึ่งมีจำนวนมากกว่าโบกพัดแรงกว่าบริเวณอื่น จึงทำให้ตัวของพารามีเซียมหมุนไปด้วย เนื่องจากไม่มีอวัยวะคอยปรับสมดุล พารามีเซียม ไม่มีกล้ามเนื้อแต่อาศัยโครงสร้างที่เรียกว่า ซีเลีย (cilia) ช่วยในการเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่ของยูกลีนา
ยูกลีนาเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว การเคลื่อนที่ของยูกลีนาจะใช้แฟลกเจลลัมเส้นยาวพัดโบกไปมาเหมือนการว่ายน้ำ ถ้าในสภาพไม่มีน้ำจะยืดหดตัวให้เกิดคลื่นทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ แฟลกเจลลัมของยูกลีนามี 1-2 เส้น ถ้ายาวไม่เท่ากัน เส้นยาวจะยื่นจากไซโตสโตม เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ เส้นสั้นอยู่ภายในถุงที่พองออกตรงส่วนปลายของเซลล์ที่เรียกว่า รีเซอวัว (reservoir)
วีดีโอสำหลับการเรียนการสอน
วีดีโอแสดงการเคลื่อนที่ของสัตร์ด้วยวิธีต่าง ๆ
(ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=8AGRxTm-O1Q)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น